วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ศิลาธรรมจักรแห่งเมืองศรีเทพ



ธรรมจักรเป็นเครื่องหมายทางพระพุทธศาสนาซึ่งตามปกติจะทำด้วยศิลาเป็นรูปกงจักร มีกงล้อ ๘ ซี่บ้าง ๑๒ ซี่บ้าง และมีกวางหมอบเหลียวหลังประกอบอยู่ทางด้านหน้า รูปธรรมจักรเองมีความหมายถึงการแสดงธรรมส่วนกวางหมอบหมายถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี รวมแล้วจึงหมายถึงพระพุทธองค์ทรงประทานปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ทั้งห้า คือ อัญญาโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิย มหานามะ และอัสสชิ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน จนได้ดวงตาเห็นธรรม
การสร้างเครื่องหมายแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งทรงประชวรใกล้จะเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน พระอานนท์ พุทธอุปัฏฐากได้ทูลปรารภว่าบรรดาพระภิกษุสาวกที่ได้เคยเฝ้าแหนอยู่เป็นเนืองนิจ เมื่อมิได้เห็นพระพุทธองค์คงจะพากันว้าเหว่เป็นอันมาก พระพุทธองค์จึงทรงประทานพุทธานุญาตให้ใช้สังเวชนียสถาน ๔ แห่งสำหรับพุทธสาวกผู้ใครจะได้เห็นพระองค์ไปปลงธรรมสังเวช ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง คือ ที่ประสูติ ณ ป่าลุมพินี แขวงเมืองกบิลพัสดุ์ ที่ตรัสรู้ ณ โพธิพฤกษ์มณฑล ณ แขวงเมืองคยา (พุทธคยา) ที่ประทานปฐมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงพาราณสี และที่ปรินิพพาน ณ ตำบลสาละวัน แขวงกุสินารา

หลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้วประมาณ ๓๐๐ ปี พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช บรรดาพุทธศาสนิกชนได้สร้างของที่ระลึกแทน เพื่อเป็นที่เคารพบูชา แต่ด้วยเหตุที่ประเพณีของชาวอินเดียสมัยนั้นไม่กล้าสร้างรูปจำลององค์จริง เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงได้สร้างสิ่งสมมติแทน ซึ่งได้ความคิดมาจากสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง เป็นตัวอย่างในการสร้าง เช่น ดอกบัวหมายถึงพระพุทธองค์ตอนประสูติ ต้นโพธิ์และอาสนะเปล่าหมายถึงตอนตรัสรู้ พระธรรมจักรและกวางหมอบหมายถึงตอนประทานปฐมเทศนา และสถูปหมายถึงตอนปรินิพพาน นอกจากน้ยังมีรอยพระพุทธบาทหมายถึงตอนเสด็จออกบรรพชา
สาเหตุที่ใช้ธรรมจักรแทนพระพุทธองค์ตอนประทานปฐมเทศนานั้น เนื่องมาจากตอนท้ายปฐมเทศนาที่คนรุ่นหลังมาต่อเติมเป็นคำสรรเสริญว่า ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฏิวตฺติยํ มีความหมายว่าพระพุทธองค์ได้ทรงยังพระธรรมจักรให้เป็นไปอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เป็นไปได้ และการที่เสด็จออกบรรพชาก็ทรงประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าพระจักรพรรดิ คำสอนก็เป็นจักรรัตนะ คืออำนาจของพระจักรพรรดิเช่นเดียวกัน
ศิลาธรรมจักร หรือพระธรรมจักรเป็นโบราณวัตถุสำคัญที่มีอยู่น้อยชิ้นในประเทศไทย เช่นที่พบที่จังหวัดนครปฐม อันมีหลักฐานว่าเป็นเมืองในสมัยสุวรรณภูมิที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งพระโสณเถระ และพระอุตรเถระเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก ศิลปะของยุคนี้จัดเป็นศิลปะสมัยทวารวดี อายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๖ และอีกชิ้นหนึ่งคือศิลาธรรมจักรที่ได้พบที่เมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เป็นศิลาธรรมจักรเพียงอย่างเดียว ไม่มีรูปกวางหมอบประกอบ ปัจจุบันโบราณวัตถุชิ้นนี้ตั้งแสดงอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ


อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ห่างจากเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ ๑๓๐ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๒๑ สายสระบุรี-หล่มสัก ถึงกิโลเมตรที่ ๑๐๒ จะมีทางแยกเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๒๑ ไปอีกประมาณ ๙ กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าที่มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี ยังมีหลักฐานตัวเมืองทั้งส่วนในและส่วนนอกปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงค้นพบเมืองศรีเทพ หรือเมืองอภัยสาลีแห่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ ได้พบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเทวรูปในศาสนาพราหมณ์ เช่น เทวรูปพระนารายณ์ พระกฤษณะและพระอาทิตย์ มีอายุระหว่งพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓ รวมทั้งศิลาจารึกอีกหลายหลักและศิลปะวัตถุสมัยทวาราวดีด้วย ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเมืองศรีเทพมีความสำคัญมาแต่โบราณกาล และอาจเป็นเมืองที่ชาวอินเดียมาตั้งขึ้นแต่เดิม เพราะตั้งอยู่บนเส้นทางผ่านจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าไปยังอาณาจักรฟูนันและอาณาจักรขอม และต่อมาพวกขอมได้เข้ามาครอบครองจนกระทั่งหมดอำนาจลง เมืองศรีเทพจึงถูกทอดทิ้งไปราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘



ปัจจุบันโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้รับการบูรณะตกแต่งแล้วเป็นอย่างดีประมาณ ๗๐ แห่ง ประกอบด้วยเมือง ๒ เมือง เมืองแรกผังเมืองรูปร่างคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมุมมน กว้างยาวด้านละ ๑,๖๐๐ เมตร ส่วนเมืองที่สองซึ่งสร้างเพิ่มเติมมีขนาดใหญ่กว่า ทั้งสองเมืองมีเชิงเทินก่อด้วยดินและศิลแลงล้อมรอบ มีประตูอยู่ทั้งหมด ๑๑ ประตู วิ่งที่น่าชมภายในอุทยานฯ มีศาลเจ้าพ่อศรีเทพ โบราณสถานเขาคลังใน ที่เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติ ปรางค์ศรีเทพ สถาปัตยกรรมร่วมแบบศิลปะเขมร ปรางค์สองพี่น้อง ซึ่งมีทับหลังจำหลักเป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตีประทับนั่งอยู่เหนือโคอุศุภราช อาคารแบบทวาราวดีขนาดใหญ่ และสระแก้ว สระขวัญ ซึ่งมีน้ำขังตลอดปี ถือกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีการนำน้ำทั้งสองสระนี้ไปทำน้ำพิพัฒน์สัตยามาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยปัจจุบัน
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ นาฬิกา ค่าเข้าชม ชาวไทย ๑๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๓๐ บาท สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรบรรยาย ติดต่อโดยตรงได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อำเภอศรีเทพ
จังหวัดเพชรบูรณ์ ๖๗๑๗๐ โทรศัพท์ (๐๕๖) ๗๙-๙๔๖๖








1 ความคิดเห็น:

  1. ข้าพเจ้าอ่านแล้วประวัติดีมาก แต่บางอย่างเพี้ยนไป เรื่องธรรมจักร จริงๆแล้วพระคุณเจ้า(องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) เป็นผู้ตั้งธรรมจักร พระองค์ท่านเปรียบประดุจธรรม ที่พระองค์ทรงบัญญัติ ใช้ล้อเกวียนเป็นสัญลักษณ์นั่นเอง เพราะ ล้อเกวียนหมุนไปได้ไม่หยุด เหมือนธรรมที่ไม่มีวันจบสิ้น .......แต่ยังไงก็แล้วแต่ขอบคุณในความกรุณาที่ทำให้เราทราบอะไรหลายอย่างสามารถย้อนอดีตผสมบัจจุบัน บุญกุศลที่เราทำเพียรเพื่อถวายแด่พระศาสดา ด้วยเศียรเกล้า....และให้ผู้เขียน และผู้อ่านทุกท่านได้รับบุญกุศลด้วยทุกประการเช่นกัน...หยดน้ำค้างแห่งพระพุทธศาสนา.....สาธุ สาธุ

    ตอบลบ